สบู่น้ำมันมะกอก หรือ สบู่คาสตีล (Castile Soap) เป็นสบู่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมกันในยุโรป โดยเฉพาะราชวงศ์และชนชั้นสูง ผลิตมาจากน้ำมันมะกอกล้วน 100 เปอร์เซ็นต์ มีคุณลักษณะคล้ายกันกับสบู่อะเลปโป้ ( Aleppo) ที่มีชื่อเสียงของประเทศซีเรีย ซึ่งทำมาจาก laurel oil ส่วนสบู่คาสตีลหรือสบู่น้ำมันมะกอกนี้มีการผลิตขึ้นมาทีหลังในแถบประเทศยุโรปแต่ก็มีความสัมพันธ์และเกี่ยวเนื่องกันกับสบู่อะเลปโป้ของซีเรีย
ประวัติของ สบู่น้ำมันมะกอก หรือสบู่คาสตีล
สบู่น้ำมันมะกอก หรือสบู่คาสตีล มันเป็นผลพวงของการแพร่กระจายของสบู่อะเลปโป้ที่มีชื่อเสียงของประเทศซีเรีย ซึ่งซีเรียมีใช้กันมานานนับพันปีมาแล้ว และมีการค้าขายกันตามเส้นทางสายไหม เอเชีย ตะวันออกกลาง เปอร์เชีย และแพร่ไปสู่ยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 11 ระหว่างช่วงสงครามครูเสค ในช่วงที่เดินทางกลับยุโรปมีการนำเอาสบู่อะเลปโป้จากเมืองอะเลปโป้ติดมากับกองคาราวานด้วย และในขณะที่พักในเมืองก็ได้มีการศึกษาการทำสบู่อะเลปโป้ไปด้วย เมื่อถึงยุโรปพวกเขาก็คิดว่าทำอย่างไรเราจึงจะทำสบู่แบบอะเลปโป้ได้ จึงได้มีการนำเอาวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่เขาหาได้ในยุโรปและเริ่มทำการผลิต หลังจากสบู่อะเลปโป้เขามาสู่ยุโรปแล้วในช่วงนั้น ทำให้ชาวยุโรปมีการปฏิวัติเปลี่ยนเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลมากขึ้น ประจวบกับในช่วงยุคกลางเกิดโรคระบาดในยุโรปพอดี การมีสบู่ใช้ในช่วงนั้นนับเป็นเรื่องโชคดีของชาวยุโรป

มีการเริ่มผลิตสบู่แบบนี้ครั้งแรกในเมืองแถบเมดิเตอเรเนียน แต่ก็มีการแพร่หลายค่อนข้างเป็นไปอย่างช้าๆ ต่อมามีนักทำสบู่ชาวมุสลิมเข้ามายังสเปน และอิตาลี ในช่วงศตวรรษที่ 12 จึงมีการผลิตและพัฒนาอย่างเป็นระบบและมีการผลิตอย่างกว้างขวาง ทำให้เมือง Malaga, Carthagene, Castile, Alicante ของสเปน และ เมือง Savone, Genoa, Naples, Bologna and Venice ของอิตาลี เป็นเมืองที่ผลิตและส่งออกสบู่ไปทั่วยุโรป สบู่จากที่นี่มีความแตกต่างจากที่อื่น ด้วยคุณภาพและคุณสมบัติในการทำความสะอาด และถูกเรียกว่า สบู่คาสตีล (Castile Soap) ตามชื่อแคว้นคาสตีลของสเปน

สบู่คาสตีล เป็นที่นิยมและมีคุณภาพสูง เนื่องจากว่าประเทศสเปนเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง จึงทำให้สบู่ที่ผลิตได้มีคุณภาพสูงด้วย สเปนเป็นประเทศผลิตน้ำมันมะกอกที่สำคัญของโลก จริงๆแล้วสูตรดั้งเดิมของสบู่อะเลปโป้จะต้องใช้น้ำมัน Laurel ซึ่งน้ำมันชนิดนี้หายากและขาดตลาด แต่ที่แคว้นคาสตีล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันมะกอกชั้นดีและสามารถหามาได้ง่ายๆ จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับสบู่คาสตีล ผลจากการใช้น้ำมันมะกอกทำสบู่ทำให้ได้สบู่ที่มีเนื้อสีขาว อ่อนโยน นุ่มนวล ต่อผิว และก็ทำความสะอาดได้ดีเยี่ยม
ด้วยคุณสมบัติและคุณภาพอันดีเยี่ยมของสบู่คาสตีล ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวของราชวงค์แห่งสเปน และต่อมาก็แพร่หลายเป็นที่นิยมไปทั่วกลุ่มคนชั้นสูงและราชวงค์ทั่วทั้งยุโรป และในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ก็ได้แพร่หลายเข้าสู่อังกฤษ จนถึงปัจจุบันนี้กว่า 500 ปีมาแล้วที่สบู่คาสตีลได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมา สบู่นี้ก็ยังคงเป็นสบู่ธรรมชาติที่ดีที่สุด และก็ยังคงผลิตได้ด้วยมือ เหมาะสำหรับใช้ในการชำระล้างได้ทั้ง ร่างกาย ผิวหน้า มีความปลอดภัย และอ่อนโยนต่อผิว ใช้ได้แม้กระทั่งสำหรับเด็กๆ และคุณภาพไม่ได้ด้อยลงไปเลยแม้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน

ส่วนผสมและวิธีการทำ Castile Soap แบบ Cold Process
ในสูตรดั้งเดิมของสบู่คาสตีล จะใช้น้ำมันมะกอกล้วน 100 เปอร์เซนต์แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตหลายเจ้ามักจะผสมน้ำมันอื่นๆเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตามจะต้องมีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมหลัก และก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าน้ำมันมะกอกควรจะมีสัดส่วนเท่าไรตึงจะเรียกว่าสบู่คาสตีล หลายๆคนบอกว่ามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวคิดว่าแบบดั้งเดิม 100 เปอร์เซ็นต์ควรจะเรียกว่าสบู่คาสตีลได้เอาแบบดั้งเดิมไปเลย
เนื่องจากสบู่คาสตีลเป็นสบู่ที่ส่วนประกอบของน้ำมันเพียงชนิดเดียวคือน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นน้ำมันที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวถึง 80 เปอร์เซ็นต์ มีคุณสมบัติในการเทรซยาก มีความอ่อนนุ่ม ตัวเนื้อสบู่จะไม่แข็ง และมีความเป็นฟองน้อย และสบู่จะแข็งตัวช้าซึ่งต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยทีเดียวกว่าจะเอาออกจากโมลด์มาตัดได้ และต้องใช้เวลาบ่มค่อนข้างยาวนาน การบ่มสบู่เป็นเวลานานสบู่จะมีฟองมากขึ้น
ส่วนผสมต่างของสบู่น้ำมันมะกอก Castile Soap
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 กิโลกรัม
โซเดียมไฮดรกไซด์ 136 กรัม
น้ำกลั่น 354 กรัม
โมลด์เพื่อใส่สบู่
ขั้นตอนแรก ใส่อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น แว่นตา ถุงมือยาง
ขั้นตอนที่ 2 น้ำโซเดียมไฮดรอกไซด์ไปละลายในน้ำ โดยค่อยๆเทลงไปในน้ำกลั่นที่เราเตรียมไว้ (ภาชนะที่ใช้ต้องเป็นภาชนะที่ทนความร้อนทนสารเคมี อย่าใช้ภาชนะที่เป็นเหล็กหรือโลหะอื่นใด ควรใช้เป็นกระเบื้อง แก้วทนไฟ หรือ สแตนเลสก็ได้) ละลายจนหมด รอให้เย็นจนอุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซนเซียสหรืออุณภูมิห้อง ส่วนตัวเราปล่อยไว้ทั้งคืนเลยพรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำ
ขั้นตอนที่ 3 นำสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ที่เตรียมไว้จากขั้นตอนที่ 2 ค่อยๆเทลงในน้ำมันมะกอกที่เราเตรียมไว้แล้ว ภาชนะไม่ควรเป็นโลหะหรือเหล็ก ควรเป็นภาชนะที่ทนความร้อน หรือ สแตนเลส ก็ได้ จากนั้นจึงใช้ Blender stick ผสมจนเกิดการเทรซ (หมายถึงการเกิดปฏิกิริยา Saponification) สังเกตุได้ว่าน้ำมันมะกอกและสารละลายโซดาจะผสมกันจนเป็นของเหลวข้นและหนือเล็กน้อย น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะให้สีเหลืองออกเขียว โปรดสังเกตุว่าจะเกิดการเทรซช้ามากๆ อาจจะใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว หลังจากเทรซหากต้องการจะใส่กลิ่นก็ให้ใส่ในขั้นตอนนี้ได้เลย
ขั้นตอนที่ 4 นำสบู่ที่เทรซแล้วจากขั้นตอนที่ 3 เทใส่ในโมลด์ คลุมด้วยผ้าทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน (จริงๆไม่ได้ล้อเล่น) จึงนำมาจากโมลด์และตัดเป็นก้อนตามต้องการ
ขั้นตอนที่ 5 บ่มสบู่นำสบู่ที่ตัดได้แล้วไปเก็บไว้ในสถานที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกบ่มไว้เป็นเวลา 1 ปีจึงนำมาห่อและใช้ได้ บางคนอาจนำมาใช้ก่อนก็ได้แต่ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 1 เดือนที่ดีแล้วควรเป็น 1 ปี เพราะนี่เป็นสบู่ที่พิเศษจริงๆ
ขั้นตอนที่ 6 นำสบู่มาห่อเพื่อใช้หรือจำหน่าย อย่าลืมว่าสบู่นี้พิเศษจริงๆดังนั้นแพคเกจจึงต้องพิเศษกว่าสบู่ธรรมดามากๆ และราคาก็แพงมากๆด้วย
ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันมะกอกที่มีประโยชน์ต่อผิว คนเรารู้จักใช้น้ำมันมะกอกในการบำรุงผิวมาตั้งแต่ยุคอียิปต์จนถึงสมัยปัจจุบัน โดยใช้เพื่อเป็นทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น โดยการที่นำมันมะกอกมีคุณสมบัติทำให้ความชุ่มชื้นสามารถเกาะติดอยู่กับผิว และยังสร้างฟิล์มบางๆป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นจากภายในผิวสูญเสียไป น้ำมันมะกอกยังมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนสารให้ความชุ่มชื้นตัวอื่นๆคือจะไม่อุดตันหรือขัดขวางการทำงานตามธรรมชาติของผิว เช่น การขับเหงื่อ การหลั่งซีบัม การผลัดผิว เป็นต้น ยังมีงานวิจัยที่กล่าวว่าน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติรักษาสิวได้ และยังมีวิตามิน E สูงอีกด้วย สบู่จากน้ำมันมะกอกล้วน Castile Soap จึงเป็นของมีคุณค่าและเป็นที่นิยมในสังคมชั้นสูงของยุโรปในอดีต แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นยุคสารเคมี สบู่พวกนี้จึงไม่มีใครนิยมทำและใช้ แต่กลับนิยมและใช้สารเคมี และสารสังเคราะห์แทนสบู่กันเสียมาก
One thought on “สบู่น้ำมันมะกอก Castile Soap สบู่สำหรับชนชั้นสูงในยุโรป”